Powered By Blogger

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

D.I.Y. ที่กันกระเป๋าข้าง CBR150

   ที่กันกระเป๋าข้างแบบ D.I.Y. ของผมอันนี้ต้องออกตัวก่อนเลยครับว่าได้ไปเห็นมาจากห้อง D.I.Y. จากเว็บไซด์ cbr150club ครับ ผมจำชื่อเจ้าของกระทู้ไม่ได้แล้วครับแต่ก็ต้องขอบคุณพี่เค้าที่เอามาแชร์กันให้ผมได้ลองทำตาม แล้วมันก็เวิร์คมากในราคา 100นิดๆ
   มาเริ่มกันที่อุปกรณ์กันเลยครับ
1. เหล็กรู 8 อัน ผมซื้อมาอันละ 12 บาท
2. น็อตเบอร์ 10 8 คู่ (กี่บาทอันนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับแต่ไม่เกิน 20 แน่นอน) (แต่ผมซื้อมา 6 คู่แล้วหาเพิ่มเองอีก 2 คู่เนื่องจากคำนวนพลาด)
3. ประแจเบอร์ 10 (พอดีผมมีแบบติดรถอยู่อันเดียวเลยเอาคีมอีกอันมาช่วยครับ)



วิธีประกอบ

1. ใช้เหล็กรูข้างละ 4 เส้น จับประกบคู่แรกติดด้วยกันขันน็อตไว้ตรงปลาย


2. นำเหล็กเส้นอีกคู่มาประกบโดยของผมจะให้เหลื่อมกัน 8 รูครับ แล้วขันน็อต ตามรูปเลยครับ


3. เมื่อประกอบเสร็จ 2 ข้างน็อตจะเหลืออยู่ 2 คู่ เอาไว้ไปขันตอนติดกับที่พักเท้าหลังครับ แต่ตามรูปผมติดไว้กันลืมหรือทำหายครับ ผมจะเว้นไว้ 3 รูครับ






4. พอมาประกอบกับรถจะได้ตามรูปครับเมื่อเอากระเป๋ามาพาดวางกับเบาะกระเป๋าก็จะไม่เข้าไปโดนล้อให้ขาดครับซ้อน 2 คนได้สบายครับ


   ใครสนใจก็ลองทำดูกันได้นะครับหมดปัญหาเรื่องกระเป๋าเข้าไปโดนล้อแน่นอนครับ ผมจัดไปถึงหัวหินแบบมีคนซ้อนมาแล้วครับ อิอิ ขออภัยด้วยนะครับถ้ารูปกับการอธิบายของผมดูงงๆ รูปไม่ค่อยละเอียดนัก

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

10 เขตรถหายใน กทม.




โจรเค้าก็มีวิธีสุดฮิตสำหรับรถยนต์นะ
   วิธีของคนร้ายที่เราพบบ่อยจะใช้รีโมตรบกวนสัญญาณล็อกประตูรถยนต์ โดยอาศัยความถี่ของรีโมตที่ใกล้เคียงกัน ในระยะห่างประมาณ 30 เมตรคนร้ายจะกดรีโมตดักค้างไว้ เมื่อคนขับลงจากรถแล้วกดรีโมตเพื่อล็อก และเดินไปโดยไม่ตรวจสอบว่ารถล็อกหรือยัง คนร้ายจึงอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของรถไม่อยู่ เข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินหรืออาจขโมยรถไปทั้งคันได้เลย ดังนั้นผู้ใช้รถควรจะเช็กทุกครั้ง รวมถึงป้องกันด้วยตัวเองไว้ก่อนดีที่สุด โดยการติดตั้งสัญญาณกันขโมยหรือจีพีเอส เพื่อช่วยไม่ให้คนร้ายโจรกรรมได้สะดวก หรืออย่างน้อยที่สุดก็ช่วยหน่วงเวลาคนร้ายได้ในระดับหนึ่ง

   ส่วนมอไซด์ก็รู้ๆ กันอยู่วิธีมีมากมาย ทั้งถีบแฮนด์ ใช้ประแจ ไขควง ขนขึ้นรถกระบะ สารพัดวิธีที่จะเอาได้ ยังไงเราก็ต้องป้องกันไว้ก่อนนะอย่าหวังพึ่งแต่ตำรวจอย่างเดียวพึ่งตัวเองบ้าง หรือจะลองวิธีของผมก็ได้นะ มอไซด์หาย!!! ป้องกันได้

   แล้วพี่ๆ ตำรวจเค้าก็มีศูนย์รับแจ้งเรื่องรถหายโดยเฉพาะนะ เว็บไซต์ http://polislostcar.police.go.th และสายด่วน 1192 ตลอด 24 ชม. ด้วยนะครับ




ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.manager.co.th/

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล

   เป็นประจำเมื่อมีละครเวทีที่จะทำการแสดงจะมีรอบปฐมทัศน์ ช่างภาพขาซิ่งก็โดนงานนี้ซะไม่มีพลาด แต่ก็ได้เก็บแต่บรรยากาศหลังกล้องตอนสัมภาษณ์ดารามาให้ดูได้แค่นั้น

การอยู่หลังกล้องของช่างภาพทีวี ขณะรอออออออออ
วุ่นวายระหว่างรอ สัมภาษณ์ อิอิ
นัท มีเรีย
โน่-โม
โน่-โม อีกรูป
มาร์กี้ จร้า

   ถ่ายได้แค่นี้เนื่องจากหน้าที่บีบคั้น ไปถ่ายตรงอื่นให้เห็นบรรยากาศไม่ได้เลย T T ถ่ายได้แต่หลังกล้องที่เราประจำอยู่นี่แหระ เบื้องหลังที่เห็นในจอนี่แหระ กว่าจะได้มา บางงานนี่แทบจะขี่คอถ่าย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีช่องเพิ่มขึ้นเยอะแน่นมากมาย

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จุดจอดรถบิ๊กไบค์ ตามห้างฯ และโรงแรม ในกรุงเทพ

   ที่จอดรถบิ๊กไบค์ อีกปัญหาหนึ่งของคนขี่รถบิ๊กไบค์ รวมถึงช่างภาพขาซิ่งคนนี้ด้วย (ถึง ซีซี จะไม่ใช่บิ๊กไบค์แต่ขนาดก็พอๆ กัน) โดยผมก็มีที่จอดมาแนะนำตามนี้เลยครับ


- เมเจอร์รัชโยธิน มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์เป็นสัดส่วนแล้วครับ ซึ่งก็จอดอยู่หน้าที่จอดมอไซด์ทั่วไป แถมตอนนี้มีรับฝากหมวกแล้วด้วย

- เซ็นทรัลลาดพร้าว มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์อยู่หลังป้อมรับบัตรจอดเลย แต่มีปัญหาตรงที่มีมอไซด์ทั่วไปมาเสียบอยู่ด้วยหากเกิดมีช่องไหนว่าง ส่วนราคานั้นเริ่มต้นที่ 3 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- ยูเนี่ยนมออล์ จอดหลังห้างครับรมกับที่จอดมอไซด์ทั่วไป มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ในร่มบิ๊กไบค์จะเข้าลำบากเพราะที่แคบ ที่นี่ไม่เสียเงินและไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสฯ จอดรถหลังสยามเซ็นเตอร์สะดวกสุดครับ มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์โดยเฉพาะ 4 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เซ็นทรัลเวิร์ล อยู่ตรงบริเวณโซน Y30-Y31 จอดได้ตั้งแต่ 400 ซีซี หรือ 500 ซีซี ขึ้นไปนี่แหระผมไม่แน่ใจลองถามพี่ๆ รปภ. ดูนะครับ ส่วนต่ำกว่านั้นรู้สึกว่าจะให้จอดรวมกับมอไซด์ทั่วไป ที่จะมีที่จอดอยู่ 3 โซนครับสำหรับจอดมอไซด์ทั่วไป คือ โซนหน้าห้างครับ ลงทางฝั่งถนนราชดำริครับ โซนอาคารสำนักงาน ลงทางฝั่งถนนพระราม 1 ครับ และอีกโซนคือฝั่ง โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ครับ ลงทางหลังห้างครับ (ตรงนี้ไม่ค่อยแนะนำครับที่จอดน้อย) ราคาที่จอดมอไซด์ทั่วไปก็ 4 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ มอไซด์จอดรวมกันหมดเพราะตอนนี้เริ่มเก็บเงินแล้ว ชม. แรกฟรี ชม.ถัดไปผมไม่แน่ใจว่า ชม. ละ 20 บาท รึป่าว มีมอไซด์จอดน้อยส่วนใหญ่เป็นแมสเซ็นเจอร์ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เซ็นทรัล พระราม 9 มีโซนจอดรถบิ๊กไบค์อยู่ฝั่งซ้ายของป้อมรับบัตรจอดชั้นใต้ดิน ราคาค่าจอด 3 ชม. แรก 10 บาท ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เทอมินอล 21 จอดชั้นใต้ดินรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ ราคาค่าจอด 3 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เกตเวย์เอกมัย จอดชั้นใต้ดินรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ (ถ้าจำไม่ผิด ไม่ได้ไปนานแล้ว) ราคาค่าที่จอดอันนี้จำไม่ได้ครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เอสพลานาด รัชดา จอดรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ หลังห้าง รับบัตรจอดฟรี ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

- เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จอดที่จอดเดียวกับมอไซด์ทั่วไปครับแต่เค้าแบ่งโซนไว้ให้ใหม่แล้ว เข้าทางซอยงามวงศ์วาน 18 สะดวกกว่าครับ ถ้าเข้าทางซอยงามวงศ์วาน 18 ตรงเข้ามาในซอยแล้วจะมีซอยย่อยให้เลี้ยวเข้าเดอะมอลล์อยู่ทางซ้ายครับ ขี่ตรงเข้ามาที่จอดอยู่ฝั่งขวามือครับ ค่าบริการครั้งละ 10 บาทครับ

- ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จอดรวมกับที่จอดมอไซด์ทั่วไปหลังห้างฯ ครับ แต่จะมีโซนที่บิ๊กไบค์จอดกันอยู่ตรงข้างๆ ห้องพักพี่ๆ รปภ. ครับ รับบัตรจอดฟรีครับ มีตู้ฝากหมวกกันน็อค 10 บาทครับ

- โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ถ.วิทยุ จอดชั้นใต้ดินครับรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ เกือบถึงทางออกอีกผั่งครับ จอดฟรี ไม่รับฝากหมวกกันน็อค

อันนี้ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ครับ แต่เคยไปออกทริปมาครั้งนึง

ปาลิโอ เขาใหญ่ จอดกลางแจ้งไม่มีที่จอดในร่มครับ ฟรีครับสำหรับบิ๊กไบค์ ครับที่จอดอยู่ตรงทางเข้าของลานจอดรถด้านหลัง ปาลิโอ เลยครับ ไม่มีฝากหมวกกันน็อคครับ

   นี่ก็เป็นสถานที่ๆ ผมได้ไปบ่อยบ้าง นานๆ ไปทีบ้างครับด้วย CBR 150i คู่ใจที่ใช้วิ่งข่าวครับ ที่ไหนอัพเดทยังไงช่วยกันแจ้งเพิ่มได้นะครับ

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มอไซด์หาย!!! ป้องกันได้

   มอไซด์หาย!!!  เป็นเรื่องที่คนรักรถมอไซด์หลายๆ คนเป็นกังวลว่าจอดรถตรงนี้จะปลอดภัยมั้ย ไปซื้อของแป๊ปเดียวไม่เป็นไรหรอก บอกเลยครับว่าอย่าคิดอย่างนั้น เพราะช่างภาพขาซิ่งก็เป็นคนนึงที่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน แล้วก็เซอร์ไพร์ รถหายจร้า
   คันเก่าของช่างภาพขาซิ่งเป็น wave125i รถเป็นที่ต้องการของตลาดโจรอยู่แล้วด้วย เข้าไปซื้อกับข้าวในตลาดนัดไม่ถึง 15 นาที ออกมา รถกรูอยู่ไหน กันเลยทีเดียว แล้วเรายิ่งเป็นช่างภาพขาซิ่งด้วยแล้วแทบจะลำบากกันเลยทีเดียว
   ครั้งนี้ช่างภาพขาซิ่งจึงมีวิธีป้องกันในแบบของช่างภาพขาซิ่งมาแชร์ให้ได้ลองเอาไปทำใช้กันดูนะครับ เนื่องจากมอไซด์ที่ช่างภาพขาซิ่งใช้อยู่ทุกวันนี้เป็น cbr 150 i ราคามันสูงกว่าคันก่อนเยอะผมเลยต้องหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดประวัติซ้ำรอย แถมช่างภาพขาซิ่งเองก็ไปทำข่าวตามที่ต่างๆ เยอะแยะมากมายจอดไว้ก็ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง มัวแต่ห่วงรถไม่เป็นอันทำงานทำการพอดี กลับมาเรื่องมอไซด์ของเราต่อดีกว่า ในมอไซด์รุ่นใหม่ๆ สมัยนี้เริ่มมีสวิทช์ที่เรียกว่า off-run เพื่อเป็นการตัดกระแสไฟของรถ สำหรับคนที่จะมาขโมยถ้าไม่รู้ว่ามีตรงนั้นอยู่ก็จะสตาร์ทมอไซด์ของเราไม่ได้

ตัวอย่างสวิทช์ แต่ของผมทำเป็นสวิทช์เปิด-ปิดไฟหน้า ถ้าคนที่รู้มากก็จะคิดว่าสวิทช์นี้เป็น off-run เพื่อจ่ายไฟรถ แต่ของผมไม่ใช่ อิอิ
   สวิทช์ off-run ของผมจะอยู่ใต้เบาะครับจะงัดก็คงเสียเวลาละครับ (ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำเองหรอกนะครับ พ่อของแฟนเค้าทำให้ครับ แต่ผมก็ยืนช่วยอยู่นะ อิอิ )

   เริ่มโดยการตัดสายไฟตรงฟิวส์ที่ติดอยู่กับแบตฯ หรือถ้าสายไฟตรงแบตฯ เส้นไม่ใหญ่มากก็ตัดจากตรงนั้นได้เลยเพื่อที่จะทำการต่อสายไฟเพิ่มไปยังสวิทช์ที่เราจะใช้ทำการตัดไฟรถนะครับ เลือกเอาอย่างละเส้นนะครับ




   เมื่อต่อสายไฟเสร็จแล้วคราวนี้เราก็มาที่สวิทช์เรยครับ
 
อันนี้เป็นแบบเก่าที่ผมทำพังนะครับ

อันนี้เป็นแบบที่ผมใช้อยู่ปัจจุบันครับ
   พอต่อเข้ากับสวิทช์เสร็จเราก็ต้องลองดูครับว่ามันโอเครึเปล่า

นี่...ถอดออกเรย

ลองเสียบกุญแจบิดเปิดดูครับ ไม่ติดสบายแระ แต่ถ้าเสียบปลั๊กแล้วไม่ติดนี่สบายยาวเรยทีนี้ ถ้าทำเองไม่ชัวร์ผมแนะนำไปร้านที่เราสนิทๆ หน่อยดีกว่านะครับ
   แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับสำหรับสวิทช์ off-run ของรถผมที่มีสวิทช์หลอกมากมายจนบางทีเจ้าของรถเองยัง งง ว่าอันไหนแน่วะ หรือถ้าทำสวิทช์แล้วยังไม่สบายใจอีก ผมก็มีที่ล็อคดิสเบรคแบบมีเสียงด้วยครับ

หน้าตาแบบนี้ครับ จะอันใหญ่กว่าที่ล็อคดิสทั่วไปครับ จะบอกว่าเสียงโวยวายดีครับ

   นี่ก็เป็นวิธีป้องกันรถหายของช่างภาพขาซิ่งนะครับ เสียเวลาล็อคมอไซด์นิดหน่อย ดีกว่ารถหายนะครับ ส่วนใครมีวิธีป้องกันแบบไหนลองบอกกันบ้างนะครับ เผื่อช่างภาพขาซิ่งได้เอาไปลองดูบ้างครับ

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิธีตรวจวัดระดับเสียงรถมอไซด์

   ช่างภาพขาซิ่งจะมาขอแนะนำข้อกฎหมายกันหน่อยนะครับเพื่อเป็นความรู้กับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ขี่รถมอไซด์จะใหญ่รึไม่ใหญ่ก็ตาม เนื่องจากเห็นหลายคนทำท่อมาแล้วโดนคุณพี่ตำรวจขอตรวจวัดความดังเสียงของท่อแล้วความดังเสียงของท่อก็เกินจากที่กฎหมายได้กำหนดไว้กันมากพอดู

   ในฐานะที่ช่างภาพขาซิ่งก็เป็นคนนึงที่ใช้มอไซด์ในการไปทำงานจึงได้เอาความรู้มาให้ทุกๆ คนทั้งที่ขี่มอไซด์ก็ดี หรือว่าขับรถก็ดี แล้วอยากจะใส่ท่อแต่งกันมาแชร์ให้ได้รู้กันว่าวิธีการวัดความดังเสียงท่อที่ถูกต้องเป็นยังไง ข้อกฎหมายเขียนไว้ยังไง นะครับ


ประกาศกรมการขนส่งทางบก

เรื่อง กำหนดระดับเสียงและวิธีการวัดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์

ตามที่ กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศ เรื่อง เกณฑ์ของระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องกำเนิดพลังงานของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ไว้แล้ว นั้น

โดยที่ปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๖ กำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ขึ้นใหม่ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์สอดคล้องกับประกาศดังกล่าว และเพื่อให้การตรวจสอบระดับเสียงของรถจักรยานยนต์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีมาตรฐานเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ กรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศกำหนดระดับเสียงและวิธีการวัดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑  ให้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เกณฑ์ของระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องกำเนิดพลังงานของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตามประกาศ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖


ข้อ ๒  ในประกาศนี้

“ความเร็วรอบสูงสุด” หมายความว่า ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุด ทั้งนี้ชุดเกียร์ส่งกำลังจะต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง

“ความเร็วรอบเดินเบา” หมายความว่า ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ในขณะที่ไม่ได้เร่งเครื่องยนต์


ข้อ ๓  เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดระดับเสียงต้องเป็น ดังนี้

(๑)  เครื่องวัดระดับเสียง ตามมาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ ว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้าซึ่งเรียกโดยย่อว่า ไอ อี ซี (International Electrotechnical Commission,IEC) หรือเครื่องวัดระดับเสียงอื่นที่มีมาตรฐานเทียบเท่า

(๒)  เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่มีความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ ๓ ของค่าเต็มสเกล


ข้อ ๔  ระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ในขณะที่เดินเครื่องยนต์อยู่กับที่ โดยไม่รวมเสียงแตรสัญญาณต้องมีระดับเสียงไม่เกิน ๙๕ เดซิเบล เอ เมื่อตรวจวัดระดับเสียงในระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ ๐.๕ เมตร


ข้อ ๕  การเตรียมการตรวจวัด

(๑)  สถานที่สำหรับทำการตรวจวัดระดับเสียง ต้องเป็นพื้นราบทำด้วยคอนกรีตหรือแอสฟัลต์หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนเสียงได้ดี และเป็นที่โล่ง ซึ่งมีระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ที่จะทำการตรวจวัดตั้งแต่ ๓ เมตรขึ้นไป

(๒)  ปรับเครื่องวัดระดับเสียงไว้ที่วงจรถ่วงน้ำหนัก “A” (Weighting Network “A”) และที่ลักษณะความไวตอบรับเสียง “Fast” (Dynamic Characteristics “Fast”) รวมทั้งต้องสอบเทียบกับเครื่องกำเนิดเสียงมาตรฐาน เช่น พิสตันโฟน (Piston Phone) หรืออะคูสติค คาลิเบรเตอร์ (Acoustic Calibrator) หรือสอบเทียบ ตามที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตเครื่องวัดระดับเสียง

(๓)  เครื่องมือทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจวัด รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้สนับสนุนการวัดที่มีผลต่อค่าความแม่นหรือความใช้ได้ของผลการตรวจวัด ต้องได้รับการสอบเทียบตามระยะเวลาที่กำหนด


ข้อ ๖  การตรวจวัดระดับเสียง ให้กระทำ ดังนี้

(๑)  ทำการวัดระดับเสียงของสภาพแวดล้อมและลมในขณะนั้นก่อน ระดับเสียงของสภาพแวดล้อมและลมที่วัดได้ในบริเวณสถานที่ตามข้อ ๕ (๑) ต้องไม่เกิน ๘๕ เดซิเบล เอ

(๒)  ให้จอดรถจักรยานยนต์อยู่กับที่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง และเดินเครื่องยนต์จนกระทั่งถึงอุณหภูมิใช้งานปกติ หรือไม่น้อยกว่า ๕ นาที ก่อนทำการตรวจวัด ถ้ามีขอบทางเท้าจะต้องจอดรถจักรยานยนต์ห่างจากขอบทางเท้าอย่างน้อย ๑ เมตร

(๓)  ติดตั้งเครื่องวัดระดับเสียงโดยหันแกนความไวสูงสุดของไมโครโฟน ให้เป็นไปตามตำแหน่งและวิธีการ ดังต่อไปนี้

(ก)  กรณีรถจักรยานยนต์มีท่อไอเสียท่อเดียว ให้ตั้งไมโครโฟนในระดับเดียวกันกับปลายท่อไอเสีย และสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า ๐.๒ เมตร หันไมโครโฟนเข้าหาปลายท่อไอเสีย แกนไมโครโฟนจะต้องขนานกับพื้นและทำมุม ๔๕ องศากับปลายท่อไอเสีย โดยมีระยะห่างจากปลายท่อไอเสีย ๐.๕ เมตร ดังรูปที่ ๑

(ข)  กรณีที่ท่อไอเสียมีสองท่อหรือมากกว่า ซึ่งต่อจากหม้อพักใบเดียวกัน และมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียไม่มากกว่า ๐.๓ เมตร ให้ดำเนินการตามข้อ ๖ (๓) (ก) เว้นแต่ให้ถือระยะและทิศทางของท่อไอเสียด้านนอกของรถจักรยานยนต์เป็นเกณฑ์

(ค)  กรณีที่ท่อไอเสียมีสองท่อหรือมากกว่า ซึ่งต่อจากหม้อพักใบเดียวกันโดยมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียมากกว่า ๐.๓ เมตร หรือในกรณีที่ท่อไอเสียต่อจากหม้อพักคนละใบ ไม่ว่าจะมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียเท่าใด ให้ดำเนินการตามข้อ ๖ (๓) (ก) ทุกท่อ และให้ใช้ค่าสูงสุดที่วัดได้ ดังรูปที่ ๒

(๔)  วัดระดับเสียงโดยเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับสามในสี่ของความเร็วรอบสูงสุดกรณีเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูงสุดไม่เกิน ๕,๐๐๐ รอบต่อนาที หรือเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับกึ่งหนึ่งของความเร็วรอบสูงสุด กรณีเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูงสุดเกินกว่า ๕,๐๐๐ รอบต่อนาที จนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่แล้วปล่อยให้เครื่องยนต์กลับไปที่ความเร็วรอบเดินเบาโดยอ่านค่าความเร็วรอบจากเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์

(๕)  ให้ตรวจวัดระดับเสียง ๒ ครั้ง และให้ถือเอาค่าสูงสุดที่วัดได้เป็นระดับเสียงของรถจักรยานยนต์

(๖)  ถ้าค่าระดับเสียงจากการตรวจวัดทั้ง ๒ ครั้ง แตกต่างกันเกินกว่า ๒ เดซิเบล เอ ให้ตรวจวัดระดับเสียงโดยเริ่มต้นใหม่

(๗)  การอ่านค่าระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ที่ทำการตรวจวัดจะต้องไม่มีบุคคลหรือสิ่งกีดขวางอยู่ภายในบริเวณ ๐.๕ เมตร จากไมโครโฟนของเครื่องวัดระดับเสียง


ข้อ ๗[๑]  ประกาศนี้ให้ใช้บังคับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

ปิยะพันธ์  จัมปาสุต

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก


ขอบคุณที่มา http://aod-lawyer.com/

   เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นช่างภาพขาซิ่งก็ไปหาวิดีโอมาให้ดูกันด้วย



      นี่ก็เป็นวิธีการตรวจวัดความดังเสียงของท่อมอไซด์ตามกฎหมายกำหนดแบบเป๊ะๆ ที่ช่างภาพขาซิ่งนำมาฝากกันนะครับ ถ้าใครมีเครื่องวัดก็ลองเช็คกันก่อนก็ดีนะครับตอนที่ติดตั้งท่อ จะได้ไม่มีปัญหาเวลาคุณพี่ตำรวจเขาจะขอวัดความดังเสียงกันนะครับ