วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557
D.I.Y. ที่กันกระเป๋าข้าง CBR150
ที่กันกระเป๋าข้างแบบ D.I.Y. ของผมอันนี้ต้องออกตัวก่อนเลยครับว่าได้ไปเห็นมาจากห้อง D.I.Y. จากเว็บไซด์ cbr150club ครับ ผมจำชื่อเจ้าของกระทู้ไม่ได้แล้วครับแต่ก็ต้องขอบคุณพี่เค้าที่เอามาแชร์กันให้ผมได้ลองทำตาม แล้วมันก็เวิร์คมากในราคา 100นิดๆ
มาเริ่มกันที่อุปกรณ์กันเลยครับ
1. เหล็กรู 8 อัน ผมซื้อมาอันละ 12 บาท
2. น็อตเบอร์ 10 8 คู่ (กี่บาทอันนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับแต่ไม่เกิน 20 แน่นอน) (แต่ผมซื้อมา 6 คู่แล้วหาเพิ่มเองอีก 2 คู่เนื่องจากคำนวนพลาด)
3. ประแจเบอร์ 10 (พอดีผมมีแบบติดรถอยู่อันเดียวเลยเอาคีมอีกอันมาช่วยครับ)
วิธีประกอบ
1. ใช้เหล็กรูข้างละ 4 เส้น จับประกบคู่แรกติดด้วยกันขันน็อตไว้ตรงปลาย
2. นำเหล็กเส้นอีกคู่มาประกบโดยของผมจะให้เหลื่อมกัน 8 รูครับ แล้วขันน็อต ตามรูปเลยครับ
3. เมื่อประกอบเสร็จ 2 ข้างน็อตจะเหลืออยู่ 2 คู่ เอาไว้ไปขันตอนติดกับที่พักเท้าหลังครับ แต่ตามรูปผมติดไว้กันลืมหรือทำหายครับ ผมจะเว้นไว้ 3 รูครับ
4. พอมาประกอบกับรถจะได้ตามรูปครับเมื่อเอากระเป๋ามาพาดวางกับเบาะกระเป๋าก็จะไม่เข้าไปโดนล้อให้ขาดครับซ้อน 2 คนได้สบายครับ
ใครสนใจก็ลองทำดูกันได้นะครับหมดปัญหาเรื่องกระเป๋าเข้าไปโดนล้อแน่นอนครับ ผมจัดไปถึงหัวหินแบบมีคนซ้อนมาแล้วครับ อิอิ ขออภัยด้วยนะครับถ้ารูปกับการอธิบายของผมดูงงๆ รูปไม่ค่อยละเอียดนัก
มาเริ่มกันที่อุปกรณ์กันเลยครับ
1. เหล็กรู 8 อัน ผมซื้อมาอันละ 12 บาท
2. น็อตเบอร์ 10 8 คู่ (กี่บาทอันนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับแต่ไม่เกิน 20 แน่นอน) (แต่ผมซื้อมา 6 คู่แล้วหาเพิ่มเองอีก 2 คู่เนื่องจากคำนวนพลาด)
3. ประแจเบอร์ 10 (พอดีผมมีแบบติดรถอยู่อันเดียวเลยเอาคีมอีกอันมาช่วยครับ)
วิธีประกอบ
1. ใช้เหล็กรูข้างละ 4 เส้น จับประกบคู่แรกติดด้วยกันขันน็อตไว้ตรงปลาย
2. นำเหล็กเส้นอีกคู่มาประกบโดยของผมจะให้เหลื่อมกัน 8 รูครับ แล้วขันน็อต ตามรูปเลยครับ
3. เมื่อประกอบเสร็จ 2 ข้างน็อตจะเหลืออยู่ 2 คู่ เอาไว้ไปขันตอนติดกับที่พักเท้าหลังครับ แต่ตามรูปผมติดไว้กันลืมหรือทำหายครับ ผมจะเว้นไว้ 3 รูครับ
4. พอมาประกอบกับรถจะได้ตามรูปครับเมื่อเอากระเป๋ามาพาดวางกับเบาะกระเป๋าก็จะไม่เข้าไปโดนล้อให้ขาดครับซ้อน 2 คนได้สบายครับ
ใครสนใจก็ลองทำดูกันได้นะครับหมดปัญหาเรื่องกระเป๋าเข้าไปโดนล้อแน่นอนครับ ผมจัดไปถึงหัวหินแบบมีคนซ้อนมาแล้วครับ อิอิ ขออภัยด้วยนะครับถ้ารูปกับการอธิบายของผมดูงงๆ รูปไม่ค่อยละเอียดนัก
วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
10 เขตรถหายใน กทม.
โจรเค้าก็มีวิธีสุดฮิตสำหรับรถยนต์นะ
วิธีของคนร้ายที่เราพบบ่อยจะใช้รีโมตรบกวนสัญญาณล็อกประตูรถยนต์ โดยอาศัยความถี่ของรีโมตที่ใกล้เคียงกัน ในระยะห่างประมาณ 30 เมตรคนร้ายจะกดรีโมตดักค้างไว้ เมื่อคนขับลงจากรถแล้วกดรีโมตเพื่อล็อก และเดินไปโดยไม่ตรวจสอบว่ารถล็อกหรือยัง คนร้ายจึงอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของรถไม่อยู่ เข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินหรืออาจขโมยรถไปทั้งคันได้เลย ดังนั้นผู้ใช้รถควรจะเช็กทุกครั้ง รวมถึงป้องกันด้วยตัวเองไว้ก่อนดีที่สุด โดยการติดตั้งสัญญาณกันขโมยหรือจีพีเอส เพื่อช่วยไม่ให้คนร้ายโจรกรรมได้สะดวก หรืออย่างน้อยที่สุดก็ช่วยหน่วงเวลาคนร้ายได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนมอไซด์ก็รู้ๆ กันอยู่วิธีมีมากมาย ทั้งถีบแฮนด์ ใช้ประแจ ไขควง ขนขึ้นรถกระบะ สารพัดวิธีที่จะเอาได้ ยังไงเราก็ต้องป้องกันไว้ก่อนนะอย่าหวังพึ่งแต่ตำรวจอย่างเดียวพึ่งตัวเองบ้าง หรือจะลองวิธีของผมก็ได้นะ มอไซด์หาย!!! ป้องกันได้
แล้วพี่ๆ ตำรวจเค้าก็มีศูนย์รับแจ้งเรื่องรถหายโดยเฉพาะนะ เว็บไซต์ http://polislostcar.police.go.th และสายด่วน 1192 ตลอด 24 ชม. ด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.manager.co.th/
วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล
เป็นประจำเมื่อมีละครเวทีที่จะทำการแสดงจะมีรอบปฐมทัศน์ ช่างภาพขาซิ่งก็โดนงานนี้ซะไม่มีพลาด แต่ก็ได้เก็บแต่บรรยากาศหลังกล้องตอนสัมภาษณ์ดารามาให้ดูได้แค่นั้น
![]() |
การอยู่หลังกล้องของช่างภาพทีวี ขณะรอออออออออ |
![]() |
วุ่นวายระหว่างรอ สัมภาษณ์ อิอิ |
![]() |
นัท มีเรีย |
![]() |
โน่-โม |
![]() |
โน่-โม อีกรูป |
มาร์กี้ จร้า
ถ่ายได้แค่นี้เนื่องจากหน้าที่บีบคั้น ไปถ่ายตรงอื่นให้เห็นบรรยากาศไม่ได้เลย T T ถ่ายได้แต่หลังกล้องที่เราประจำอยู่นี่แหระ เบื้องหลังที่เห็นในจอนี่แหระ กว่าจะได้มา บางงานนี่แทบจะขี่คอถ่าย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีช่องเพิ่มขึ้นเยอะแน่นมากมาย
วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
จุดจอดรถบิ๊กไบค์ ตามห้างฯ และโรงแรม ในกรุงเทพ
ที่จอดรถบิ๊กไบค์ อีกปัญหาหนึ่งของคนขี่รถบิ๊กไบค์ รวมถึงช่างภาพขาซิ่งคนนี้ด้วย (ถึง ซีซี จะไม่ใช่บิ๊กไบค์แต่ขนาดก็พอๆ กัน) โดยผมก็มีที่จอดมาแนะนำตามนี้เลยครับ
- เมเจอร์รัชโยธิน มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์เป็นสัดส่วนแล้วครับ ซึ่งก็จอดอยู่หน้าที่จอดมอไซด์ทั่วไป แถมตอนนี้มีรับฝากหมวกแล้วด้วย
- เซ็นทรัลลาดพร้าว มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์อยู่หลังป้อมรับบัตรจอดเลย แต่มีปัญหาตรงที่มีมอไซด์ทั่วไปมาเสียบอยู่ด้วยหากเกิดมีช่องไหนว่าง ส่วนราคานั้นเริ่มต้นที่ 3 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- ยูเนี่ยนมออล์ จอดหลังห้างครับรมกับที่จอดมอไซด์ทั่วไป มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ในร่มบิ๊กไบค์จะเข้าลำบากเพราะที่แคบ ที่นี่ไม่เสียเงินและไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสฯ จอดรถหลังสยามเซ็นเตอร์สะดวกสุดครับ มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์โดยเฉพาะ 4 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เซ็นทรัลเวิร์ล อยู่ตรงบริเวณโซน Y30-Y31 จอดได้ตั้งแต่ 400 ซีซี หรือ 500 ซีซี ขึ้นไปนี่แหระผมไม่แน่ใจลองถามพี่ๆ รปภ. ดูนะครับ ส่วนต่ำกว่านั้นรู้สึกว่าจะให้จอดรวมกับมอไซด์ทั่วไป ที่จะมีที่จอดอยู่ 3 โซนครับสำหรับจอดมอไซด์ทั่วไป คือ โซนหน้าห้างครับ ลงทางฝั่งถนนราชดำริครับ โซนอาคารสำนักงาน ลงทางฝั่งถนนพระราม 1 ครับ และอีกโซนคือฝั่ง โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ครับ ลงทางหลังห้างครับ (ตรงนี้ไม่ค่อยแนะนำครับที่จอดน้อย) ราคาที่จอดมอไซด์ทั่วไปก็ 4 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ มอไซด์จอดรวมกันหมดเพราะตอนนี้เริ่มเก็บเงินแล้ว ชม. แรกฟรี ชม.ถัดไปผมไม่แน่ใจว่า ชม. ละ 20 บาท รึป่าว มีมอไซด์จอดน้อยส่วนใหญ่เป็นแมสเซ็นเจอร์ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เซ็นทรัล พระราม 9 มีโซนจอดรถบิ๊กไบค์อยู่ฝั่งซ้ายของป้อมรับบัตรจอดชั้นใต้ดิน ราคาค่าจอด 3 ชม. แรก 10 บาท ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เทอมินอล 21 จอดชั้นใต้ดินรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ ราคาค่าจอด 3 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เกตเวย์เอกมัย จอดชั้นใต้ดินรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ (ถ้าจำไม่ผิด ไม่ได้ไปนานแล้ว) ราคาค่าที่จอดอันนี้จำไม่ได้ครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เอสพลานาด รัชดา จอดรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ หลังห้าง รับบัตรจอดฟรี ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จอดที่จอดเดียวกับมอไซด์ทั่วไปครับแต่เค้าแบ่งโซนไว้ให้ใหม่แล้ว เข้าทางซอยงามวงศ์วาน 18 สะดวกกว่าครับ ถ้าเข้าทางซอยงามวงศ์วาน 18 ตรงเข้ามาในซอยแล้วจะมีซอยย่อยให้เลี้ยวเข้าเดอะมอลล์อยู่ทางซ้ายครับ ขี่ตรงเข้ามาที่จอดอยู่ฝั่งขวามือครับ ค่าบริการครั้งละ 10 บาทครับ
- ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จอดรวมกับที่จอดมอไซด์ทั่วไปหลังห้างฯ ครับ แต่จะมีโซนที่บิ๊กไบค์จอดกันอยู่ตรงข้างๆ ห้องพักพี่ๆ รปภ. ครับ รับบัตรจอดฟรีครับ มีตู้ฝากหมวกกันน็อค 10 บาทครับ
- โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ถ.วิทยุ จอดชั้นใต้ดินครับรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ เกือบถึงทางออกอีกผั่งครับ จอดฟรี ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
อันนี้ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ครับ แต่เคยไปออกทริปมาครั้งนึง
- ปาลิโอ เขาใหญ่ จอดกลางแจ้งไม่มีที่จอดในร่มครับ ฟรีครับสำหรับบิ๊กไบค์ ครับที่จอดอยู่ตรงทางเข้าของลานจอดรถด้านหลัง ปาลิโอ เลยครับ ไม่มีฝากหมวกกันน็อคครับ
นี่ก็เป็นสถานที่ๆ ผมได้ไปบ่อยบ้าง นานๆ ไปทีบ้างครับด้วย CBR 150i คู่ใจที่ใช้วิ่งข่าวครับ ที่ไหนอัพเดทยังไงช่วยกันแจ้งเพิ่มได้นะครับ
- เมเจอร์รัชโยธิน มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์เป็นสัดส่วนแล้วครับ ซึ่งก็จอดอยู่หน้าที่จอดมอไซด์ทั่วไป แถมตอนนี้มีรับฝากหมวกแล้วด้วย
- เซ็นทรัลลาดพร้าว มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์อยู่หลังป้อมรับบัตรจอดเลย แต่มีปัญหาตรงที่มีมอไซด์ทั่วไปมาเสียบอยู่ด้วยหากเกิดมีช่องไหนว่าง ส่วนราคานั้นเริ่มต้นที่ 3 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- ยูเนี่ยนมออล์ จอดหลังห้างครับรมกับที่จอดมอไซด์ทั่วไป มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ในร่มบิ๊กไบค์จะเข้าลำบากเพราะที่แคบ ที่นี่ไม่เสียเงินและไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสฯ จอดรถหลังสยามเซ็นเตอร์สะดวกสุดครับ มีที่จอดสำหรับบิ๊กไบค์โดยเฉพาะ 4 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เซ็นทรัลเวิร์ล อยู่ตรงบริเวณโซน Y30-Y31 จอดได้ตั้งแต่ 400 ซีซี หรือ 500 ซีซี ขึ้นไปนี่แหระผมไม่แน่ใจลองถามพี่ๆ รปภ. ดูนะครับ ส่วนต่ำกว่านั้นรู้สึกว่าจะให้จอดรวมกับมอไซด์ทั่วไป ที่จะมีที่จอดอยู่ 3 โซนครับสำหรับจอดมอไซด์ทั่วไป คือ โซนหน้าห้างครับ ลงทางฝั่งถนนราชดำริครับ โซนอาคารสำนักงาน ลงทางฝั่งถนนพระราม 1 ครับ และอีกโซนคือฝั่ง โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ครับ ลงทางหลังห้างครับ (ตรงนี้ไม่ค่อยแนะนำครับที่จอดน้อย) ราคาที่จอดมอไซด์ทั่วไปก็ 4 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ มอไซด์จอดรวมกันหมดเพราะตอนนี้เริ่มเก็บเงินแล้ว ชม. แรกฟรี ชม.ถัดไปผมไม่แน่ใจว่า ชม. ละ 20 บาท รึป่าว มีมอไซด์จอดน้อยส่วนใหญ่เป็นแมสเซ็นเจอร์ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เซ็นทรัล พระราม 9 มีโซนจอดรถบิ๊กไบค์อยู่ฝั่งซ้ายของป้อมรับบัตรจอดชั้นใต้ดิน ราคาค่าจอด 3 ชม. แรก 10 บาท ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เทอมินอล 21 จอดชั้นใต้ดินรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ ราคาค่าจอด 3 ชม. แรก 10 บาทครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เกตเวย์เอกมัย จอดชั้นใต้ดินรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ (ถ้าจำไม่ผิด ไม่ได้ไปนานแล้ว) ราคาค่าที่จอดอันนี้จำไม่ได้ครับ ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เอสพลานาด รัชดา จอดรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ หลังห้าง รับบัตรจอดฟรี ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
- เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จอดที่จอดเดียวกับมอไซด์ทั่วไปครับแต่เค้าแบ่งโซนไว้ให้ใหม่แล้ว เข้าทางซอยงามวงศ์วาน 18 สะดวกกว่าครับ ถ้าเข้าทางซอยงามวงศ์วาน 18 ตรงเข้ามาในซอยแล้วจะมีซอยย่อยให้เลี้ยวเข้าเดอะมอลล์อยู่ทางซ้ายครับ ขี่ตรงเข้ามาที่จอดอยู่ฝั่งขวามือครับ ค่าบริการครั้งละ 10 บาทครับ
- ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จอดรวมกับที่จอดมอไซด์ทั่วไปหลังห้างฯ ครับ แต่จะมีโซนที่บิ๊กไบค์จอดกันอยู่ตรงข้างๆ ห้องพักพี่ๆ รปภ. ครับ รับบัตรจอดฟรีครับ มีตู้ฝากหมวกกันน็อค 10 บาทครับ
- โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ถ.วิทยุ จอดชั้นใต้ดินครับรวมกับมอไซด์ทั่วไปครับ เกือบถึงทางออกอีกผั่งครับ จอดฟรี ไม่รับฝากหมวกกันน็อค
อันนี้ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ครับ แต่เคยไปออกทริปมาครั้งนึง
- ปาลิโอ เขาใหญ่ จอดกลางแจ้งไม่มีที่จอดในร่มครับ ฟรีครับสำหรับบิ๊กไบค์ ครับที่จอดอยู่ตรงทางเข้าของลานจอดรถด้านหลัง ปาลิโอ เลยครับ ไม่มีฝากหมวกกันน็อคครับ
นี่ก็เป็นสถานที่ๆ ผมได้ไปบ่อยบ้าง นานๆ ไปทีบ้างครับด้วย CBR 150i คู่ใจที่ใช้วิ่งข่าวครับ ที่ไหนอัพเดทยังไงช่วยกันแจ้งเพิ่มได้นะครับ
วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
มอไซด์หาย!!! ป้องกันได้
มอไซด์หาย!!! เป็นเรื่องที่คนรักรถมอไซด์หลายๆ คนเป็นกังวลว่าจอดรถตรงนี้จะปลอดภัยมั้ย ไปซื้อของแป๊ปเดียวไม่เป็นไรหรอก บอกเลยครับว่าอย่าคิดอย่างนั้น เพราะช่างภาพขาซิ่งก็เป็นคนนึงที่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน แล้วก็เซอร์ไพร์ รถหายจร้า
คันเก่าของช่างภาพขาซิ่งเป็น wave125i รถเป็นที่ต้องการของตลาดโจรอยู่แล้วด้วย เข้าไปซื้อกับข้าวในตลาดนัดไม่ถึง 15 นาที ออกมา รถกรูอยู่ไหน กันเลยทีเดียว แล้วเรายิ่งเป็นช่างภาพขาซิ่งด้วยแล้วแทบจะลำบากกันเลยทีเดียว
ครั้งนี้ช่างภาพขาซิ่งจึงมีวิธีป้องกันในแบบของช่างภาพขาซิ่งมาแชร์ให้ได้ลองเอาไปทำใช้กันดูนะครับ เนื่องจากมอไซด์ที่ช่างภาพขาซิ่งใช้อยู่ทุกวันนี้เป็น cbr 150 i ราคามันสูงกว่าคันก่อนเยอะผมเลยต้องหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดประวัติซ้ำรอย แถมช่างภาพขาซิ่งเองก็ไปทำข่าวตามที่ต่างๆ เยอะแยะมากมายจอดไว้ก็ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง มัวแต่ห่วงรถไม่เป็นอันทำงานทำการพอดี กลับมาเรื่องมอไซด์ของเราต่อดีกว่า ในมอไซด์รุ่นใหม่ๆ สมัยนี้เริ่มมีสวิทช์ที่เรียกว่า off-run เพื่อเป็นการตัดกระแสไฟของรถ สำหรับคนที่จะมาขโมยถ้าไม่รู้ว่ามีตรงนั้นอยู่ก็จะสตาร์ทมอไซด์ของเราไม่ได้
สวิทช์ off-run ของผมจะอยู่ใต้เบาะครับจะงัดก็คงเสียเวลาละครับ (ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำเองหรอกนะครับ พ่อของแฟนเค้าทำให้ครับ แต่ผมก็ยืนช่วยอยู่นะ อิอิ )
เมื่อต่อสายไฟเสร็จแล้วคราวนี้เราก็มาที่สวิทช์เรยครับ
คันเก่าของช่างภาพขาซิ่งเป็น wave125i รถเป็นที่ต้องการของตลาดโจรอยู่แล้วด้วย เข้าไปซื้อกับข้าวในตลาดนัดไม่ถึง 15 นาที ออกมา รถกรูอยู่ไหน กันเลยทีเดียว แล้วเรายิ่งเป็นช่างภาพขาซิ่งด้วยแล้วแทบจะลำบากกันเลยทีเดียว
ครั้งนี้ช่างภาพขาซิ่งจึงมีวิธีป้องกันในแบบของช่างภาพขาซิ่งมาแชร์ให้ได้ลองเอาไปทำใช้กันดูนะครับ เนื่องจากมอไซด์ที่ช่างภาพขาซิ่งใช้อยู่ทุกวันนี้เป็น cbr 150 i ราคามันสูงกว่าคันก่อนเยอะผมเลยต้องหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดประวัติซ้ำรอย แถมช่างภาพขาซิ่งเองก็ไปทำข่าวตามที่ต่างๆ เยอะแยะมากมายจอดไว้ก็ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง มัวแต่ห่วงรถไม่เป็นอันทำงานทำการพอดี กลับมาเรื่องมอไซด์ของเราต่อดีกว่า ในมอไซด์รุ่นใหม่ๆ สมัยนี้เริ่มมีสวิทช์ที่เรียกว่า off-run เพื่อเป็นการตัดกระแสไฟของรถ สำหรับคนที่จะมาขโมยถ้าไม่รู้ว่ามีตรงนั้นอยู่ก็จะสตาร์ทมอไซด์ของเราไม่ได้
![]() |
ตัวอย่างสวิทช์ แต่ของผมทำเป็นสวิทช์เปิด-ปิดไฟหน้า ถ้าคนที่รู้มากก็จะคิดว่าสวิทช์นี้เป็น off-run เพื่อจ่ายไฟรถ แต่ของผมไม่ใช่ อิอิ |
เริ่มโดยการตัดสายไฟตรงฟิวส์ที่ติดอยู่กับแบตฯ หรือถ้าสายไฟตรงแบตฯ เส้นไม่ใหญ่มากก็ตัดจากตรงนั้นได้เลยเพื่อที่จะทำการต่อสายไฟเพิ่มไปยังสวิทช์ที่เราจะใช้ทำการตัดไฟรถนะครับ เลือกเอาอย่างละเส้นนะครับ
เมื่อต่อสายไฟเสร็จแล้วคราวนี้เราก็มาที่สวิทช์เรยครับ
![]() |
อันนี้เป็นแบบเก่าที่ผมทำพังนะครับ |
![]() |
อันนี้เป็นแบบที่ผมใช้อยู่ปัจจุบันครับ |
พอต่อเข้ากับสวิทช์เสร็จเราก็ต้องลองดูครับว่ามันโอเครึเปล่า
![]() |
นี่...ถอดออกเรย |
![]() |
ลองเสียบกุญแจบิดเปิดดูครับ ไม่ติดสบายแระ แต่ถ้าเสียบปลั๊กแล้วไม่ติดนี่สบายยาวเรยทีนี้ ถ้าทำเองไม่ชัวร์ผมแนะนำไปร้านที่เราสนิทๆ หน่อยดีกว่านะครับ |
แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับสำหรับสวิทช์ off-run ของรถผมที่มีสวิทช์หลอกมากมายจนบางทีเจ้าของรถเองยัง งง ว่าอันไหนแน่วะ หรือถ้าทำสวิทช์แล้วยังไม่สบายใจอีก ผมก็มีที่ล็อคดิสเบรคแบบมีเสียงด้วยครับ
![]() |
หน้าตาแบบนี้ครับ จะอันใหญ่กว่าที่ล็อคดิสทั่วไปครับ จะบอกว่าเสียงโวยวายดีครับ |
นี่ก็เป็นวิธีป้องกันรถหายของช่างภาพขาซิ่งนะครับ เสียเวลาล็อคมอไซด์นิดหน่อย ดีกว่ารถหายนะครับ ส่วนใครมีวิธีป้องกันแบบไหนลองบอกกันบ้างนะครับ เผื่อช่างภาพขาซิ่งได้เอาไปลองดูบ้างครับ
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วิธีตรวจวัดระดับเสียงรถมอไซด์
ช่างภาพขาซิ่งจะมาขอแนะนำข้อกฎหมายกันหน่อยนะครับเพื่อเป็นความรู้กับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ขี่รถมอไซด์จะใหญ่รึไม่ใหญ่ก็ตาม เนื่องจากเห็นหลายคนทำท่อมาแล้วโดนคุณพี่ตำรวจขอตรวจวัดความดังเสียงของท่อแล้วความดังเสียงของท่อก็เกินจากที่กฎหมายได้กำหนดไว้กันมากพอดู
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘
ปิยะพันธ์ จัมปาสุต
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
ในฐานะที่ช่างภาพขาซิ่งก็เป็นคนนึงที่ใช้มอไซด์ในการไปทำงานจึงได้เอาความรู้มาให้ทุกๆ คนทั้งที่ขี่มอไซด์ก็ดี หรือว่าขับรถก็ดี แล้วอยากจะใส่ท่อแต่งกันมาแชร์ให้ได้รู้กันว่าวิธีการวัดความดังเสียงท่อที่ถูกต้องเป็นยังไง ข้อกฎหมายเขียนไว้ยังไง นะครับ
ประกาศกรมการขนส่งทางบก
เรื่อง กำหนดระดับเสียงและวิธีการวัดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
ตามที่ กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศ เรื่อง เกณฑ์ของระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องกำเนิดพลังงานของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ไว้แล้ว นั้น
โดยที่ปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๖ กำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ขึ้นใหม่ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์สอดคล้องกับประกาศดังกล่าว และเพื่อให้การตรวจสอบระดับเสียงของรถจักรยานยนต์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีมาตรฐานเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ กรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศกำหนดระดับเสียงและวิธีการวัดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เกณฑ์ของระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องกำเนิดพลังงานของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตามประกาศ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
ข้อ ๒ ในประกาศนี้
“ความเร็วรอบสูงสุด” หมายความว่า ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุด ทั้งนี้ชุดเกียร์ส่งกำลังจะต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง
“ความเร็วรอบเดินเบา” หมายความว่า ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ในขณะที่ไม่ได้เร่งเครื่องยนต์
ข้อ ๓ เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดระดับเสียงต้องเป็น ดังนี้
(๑) เครื่องวัดระดับเสียง ตามมาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ ว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้าซึ่งเรียกโดยย่อว่า ไอ อี ซี (International Electrotechnical Commission,IEC) หรือเครื่องวัดระดับเสียงอื่นที่มีมาตรฐานเทียบเท่า
(๒) เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่มีความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ ๓ ของค่าเต็มสเกล
ข้อ ๔ ระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ในขณะที่เดินเครื่องยนต์อยู่กับที่ โดยไม่รวมเสียงแตรสัญญาณต้องมีระดับเสียงไม่เกิน ๙๕ เดซิเบล เอ เมื่อตรวจวัดระดับเสียงในระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ ๐.๕ เมตร
ข้อ ๕ การเตรียมการตรวจวัด
(๑) สถานที่สำหรับทำการตรวจวัดระดับเสียง ต้องเป็นพื้นราบทำด้วยคอนกรีตหรือแอสฟัลต์หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนเสียงได้ดี และเป็นที่โล่ง ซึ่งมีระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ที่จะทำการตรวจวัดตั้งแต่ ๓ เมตรขึ้นไป
(๒) ปรับเครื่องวัดระดับเสียงไว้ที่วงจรถ่วงน้ำหนัก “A” (Weighting Network “A”) และที่ลักษณะความไวตอบรับเสียง “Fast” (Dynamic Characteristics “Fast”) รวมทั้งต้องสอบเทียบกับเครื่องกำเนิดเสียงมาตรฐาน เช่น พิสตันโฟน (Piston Phone) หรืออะคูสติค คาลิเบรเตอร์ (Acoustic Calibrator) หรือสอบเทียบ ตามที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตเครื่องวัดระดับเสียง
(๓) เครื่องมือทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจวัด รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้สนับสนุนการวัดที่มีผลต่อค่าความแม่นหรือความใช้ได้ของผลการตรวจวัด ต้องได้รับการสอบเทียบตามระยะเวลาที่กำหนด
ข้อ ๖ การตรวจวัดระดับเสียง ให้กระทำ ดังนี้
(๑) ทำการวัดระดับเสียงของสภาพแวดล้อมและลมในขณะนั้นก่อน ระดับเสียงของสภาพแวดล้อมและลมที่วัดได้ในบริเวณสถานที่ตามข้อ ๕ (๑) ต้องไม่เกิน ๘๕ เดซิเบล เอ
(๒) ให้จอดรถจักรยานยนต์อยู่กับที่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง และเดินเครื่องยนต์จนกระทั่งถึงอุณหภูมิใช้งานปกติ หรือไม่น้อยกว่า ๕ นาที ก่อนทำการตรวจวัด ถ้ามีขอบทางเท้าจะต้องจอดรถจักรยานยนต์ห่างจากขอบทางเท้าอย่างน้อย ๑ เมตร
(๓) ติดตั้งเครื่องวัดระดับเสียงโดยหันแกนความไวสูงสุดของไมโครโฟน ให้เป็นไปตามตำแหน่งและวิธีการ ดังต่อไปนี้
(ก) กรณีรถจักรยานยนต์มีท่อไอเสียท่อเดียว ให้ตั้งไมโครโฟนในระดับเดียวกันกับปลายท่อไอเสีย และสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า ๐.๒ เมตร หันไมโครโฟนเข้าหาปลายท่อไอเสีย แกนไมโครโฟนจะต้องขนานกับพื้นและทำมุม ๔๕ องศากับปลายท่อไอเสีย โดยมีระยะห่างจากปลายท่อไอเสีย ๐.๕ เมตร ดังรูปที่ ๑
(ข) กรณีที่ท่อไอเสียมีสองท่อหรือมากกว่า ซึ่งต่อจากหม้อพักใบเดียวกัน และมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียไม่มากกว่า ๐.๓ เมตร ให้ดำเนินการตามข้อ ๖ (๓) (ก) เว้นแต่ให้ถือระยะและทิศทางของท่อไอเสียด้านนอกของรถจักรยานยนต์เป็นเกณฑ์
(ค) กรณีที่ท่อไอเสียมีสองท่อหรือมากกว่า ซึ่งต่อจากหม้อพักใบเดียวกันโดยมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียมากกว่า ๐.๓ เมตร หรือในกรณีที่ท่อไอเสียต่อจากหม้อพักคนละใบ ไม่ว่าจะมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียเท่าใด ให้ดำเนินการตามข้อ ๖ (๓) (ก) ทุกท่อ และให้ใช้ค่าสูงสุดที่วัดได้ ดังรูปที่ ๒
(๔) วัดระดับเสียงโดยเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับสามในสี่ของความเร็วรอบสูงสุดกรณีเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูงสุดไม่เกิน ๕,๐๐๐ รอบต่อนาที หรือเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับกึ่งหนึ่งของความเร็วรอบสูงสุด กรณีเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูงสุดเกินกว่า ๕,๐๐๐ รอบต่อนาที จนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่แล้วปล่อยให้เครื่องยนต์กลับไปที่ความเร็วรอบเดินเบาโดยอ่านค่าความเร็วรอบจากเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์
(๕) ให้ตรวจวัดระดับเสียง ๒ ครั้ง และให้ถือเอาค่าสูงสุดที่วัดได้เป็นระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
(๖) ถ้าค่าระดับเสียงจากการตรวจวัดทั้ง ๒ ครั้ง แตกต่างกันเกินกว่า ๒ เดซิเบล เอ ให้ตรวจวัดระดับเสียงโดยเริ่มต้นใหม่
(๗) การอ่านค่าระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ที่ทำการตรวจวัดจะต้องไม่มีบุคคลหรือสิ่งกีดขวางอยู่ภายในบริเวณ ๐.๕ เมตร จากไมโครโฟนของเครื่องวัดระดับเสียง
ข้อ ๗[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
เรื่อง กำหนดระดับเสียงและวิธีการวัดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
ตามที่ กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศ เรื่อง เกณฑ์ของระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องกำเนิดพลังงานของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ไว้แล้ว นั้น
โดยที่ปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๖ กำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ขึ้นใหม่ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์สอดคล้องกับประกาศดังกล่าว และเพื่อให้การตรวจสอบระดับเสียงของรถจักรยานยนต์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีมาตรฐานเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ กรมการขนส่งทางบกจึงออกประกาศกำหนดระดับเสียงและวิธีการวัดระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง เกณฑ์ของระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องกำเนิดพลังงานของรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตามประกาศ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
ข้อ ๒ ในประกาศนี้
“ความเร็วรอบสูงสุด” หมายความว่า ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุด ทั้งนี้ชุดเกียร์ส่งกำลังจะต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง
“ความเร็วรอบเดินเบา” หมายความว่า ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ในขณะที่ไม่ได้เร่งเครื่องยนต์
ข้อ ๓ เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดระดับเสียงต้องเป็น ดังนี้
(๑) เครื่องวัดระดับเสียง ตามมาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ ว่าด้วยเทคนิคไฟฟ้าซึ่งเรียกโดยย่อว่า ไอ อี ซี (International Electrotechnical Commission,IEC) หรือเครื่องวัดระดับเสียงอื่นที่มีมาตรฐานเทียบเท่า
(๒) เครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่มีความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ ๓ ของค่าเต็มสเกล
ข้อ ๔ ระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ในขณะที่เดินเครื่องยนต์อยู่กับที่ โดยไม่รวมเสียงแตรสัญญาณต้องมีระดับเสียงไม่เกิน ๙๕ เดซิเบล เอ เมื่อตรวจวัดระดับเสียงในระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ ๐.๕ เมตร
ข้อ ๕ การเตรียมการตรวจวัด
(๑) สถานที่สำหรับทำการตรวจวัดระดับเสียง ต้องเป็นพื้นราบทำด้วยคอนกรีตหรือแอสฟัลต์หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนเสียงได้ดี และเป็นที่โล่ง ซึ่งมีระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ที่จะทำการตรวจวัดตั้งแต่ ๓ เมตรขึ้นไป
(๒) ปรับเครื่องวัดระดับเสียงไว้ที่วงจรถ่วงน้ำหนัก “A” (Weighting Network “A”) และที่ลักษณะความไวตอบรับเสียง “Fast” (Dynamic Characteristics “Fast”) รวมทั้งต้องสอบเทียบกับเครื่องกำเนิดเสียงมาตรฐาน เช่น พิสตันโฟน (Piston Phone) หรืออะคูสติค คาลิเบรเตอร์ (Acoustic Calibrator) หรือสอบเทียบ ตามที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตเครื่องวัดระดับเสียง
(๓) เครื่องมือทั้งหมดที่ใช้ในการตรวจวัด รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้สนับสนุนการวัดที่มีผลต่อค่าความแม่นหรือความใช้ได้ของผลการตรวจวัด ต้องได้รับการสอบเทียบตามระยะเวลาที่กำหนด
ข้อ ๖ การตรวจวัดระดับเสียง ให้กระทำ ดังนี้
(๑) ทำการวัดระดับเสียงของสภาพแวดล้อมและลมในขณะนั้นก่อน ระดับเสียงของสภาพแวดล้อมและลมที่วัดได้ในบริเวณสถานที่ตามข้อ ๕ (๑) ต้องไม่เกิน ๘๕ เดซิเบล เอ
(๒) ให้จอดรถจักรยานยนต์อยู่กับที่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง และเดินเครื่องยนต์จนกระทั่งถึงอุณหภูมิใช้งานปกติ หรือไม่น้อยกว่า ๕ นาที ก่อนทำการตรวจวัด ถ้ามีขอบทางเท้าจะต้องจอดรถจักรยานยนต์ห่างจากขอบทางเท้าอย่างน้อย ๑ เมตร
(๓) ติดตั้งเครื่องวัดระดับเสียงโดยหันแกนความไวสูงสุดของไมโครโฟน ให้เป็นไปตามตำแหน่งและวิธีการ ดังต่อไปนี้
(ก) กรณีรถจักรยานยนต์มีท่อไอเสียท่อเดียว ให้ตั้งไมโครโฟนในระดับเดียวกันกับปลายท่อไอเสีย และสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า ๐.๒ เมตร หันไมโครโฟนเข้าหาปลายท่อไอเสีย แกนไมโครโฟนจะต้องขนานกับพื้นและทำมุม ๔๕ องศากับปลายท่อไอเสีย โดยมีระยะห่างจากปลายท่อไอเสีย ๐.๕ เมตร ดังรูปที่ ๑
(ข) กรณีที่ท่อไอเสียมีสองท่อหรือมากกว่า ซึ่งต่อจากหม้อพักใบเดียวกัน และมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียไม่มากกว่า ๐.๓ เมตร ให้ดำเนินการตามข้อ ๖ (๓) (ก) เว้นแต่ให้ถือระยะและทิศทางของท่อไอเสียด้านนอกของรถจักรยานยนต์เป็นเกณฑ์
(ค) กรณีที่ท่อไอเสียมีสองท่อหรือมากกว่า ซึ่งต่อจากหม้อพักใบเดียวกันโดยมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียมากกว่า ๐.๓ เมตร หรือในกรณีที่ท่อไอเสียต่อจากหม้อพักคนละใบ ไม่ว่าจะมีระยะห่างระหว่างปลายท่อไอเสียเท่าใด ให้ดำเนินการตามข้อ ๖ (๓) (ก) ทุกท่อ และให้ใช้ค่าสูงสุดที่วัดได้ ดังรูปที่ ๒
(๔) วัดระดับเสียงโดยเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับสามในสี่ของความเร็วรอบสูงสุดกรณีเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูงสุดไม่เกิน ๕,๐๐๐ รอบต่อนาที หรือเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบเท่ากับกึ่งหนึ่งของความเร็วรอบสูงสุด กรณีเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูงสุดเกินกว่า ๕,๐๐๐ รอบต่อนาที จนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบคงที่แล้วปล่อยให้เครื่องยนต์กลับไปที่ความเร็วรอบเดินเบาโดยอ่านค่าความเร็วรอบจากเครื่องวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์
(๕) ให้ตรวจวัดระดับเสียง ๒ ครั้ง และให้ถือเอาค่าสูงสุดที่วัดได้เป็นระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
(๖) ถ้าค่าระดับเสียงจากการตรวจวัดทั้ง ๒ ครั้ง แตกต่างกันเกินกว่า ๒ เดซิเบล เอ ให้ตรวจวัดระดับเสียงโดยเริ่มต้นใหม่
(๗) การอ่านค่าระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ที่ทำการตรวจวัดจะต้องไม่มีบุคคลหรือสิ่งกีดขวางอยู่ภายในบริเวณ ๐.๕ เมตร จากไมโครโฟนของเครื่องวัดระดับเสียง
ข้อ ๗[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘
ปิยะพันธ์ จัมปาสุต
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
ขอบคุณที่มา http://aod-lawyer.com/
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นช่างภาพขาซิ่งก็ไปหาวิดีโอมาให้ดูกันด้วย
นี่ก็เป็นวิธีการตรวจวัดความดังเสียงของท่อมอไซด์ตามกฎหมายกำหนดแบบเป๊ะๆ ที่ช่างภาพขาซิ่งนำมาฝากกันนะครับ ถ้าใครมีเครื่องวัดก็ลองเช็คกันก่อนก็ดีนะครับตอนที่ติดตั้งท่อ จะได้ไม่มีปัญหาเวลาคุณพี่ตำรวจเขาจะขอวัดความดังเสียงกันนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)